
โดย : ชฎาพร นาวัลย์
อย่าแปลกใจไปถ้าคุณเห็นดาราจอแก้วและจอเงินอายุอานาม 40-50 ปีแต่ใบหน้ายังตึงไร้รอยตีนกาเหี่ยวย่นอย่าง ชารอน สโตน Sex Symbol เบื้องหลังใบหน้าที่ดูตึงไร้ตีนกาคือ การค้นพบประโยชน์ทางอ้อมของพิษต่อระบบประสาทของเจ้าแบคทีเรียร้ายนามว่า คลอสทริเดียม โบทูบินัม (Clostridium botulinum)
แม้โปรตีนพิษของแบคทีเรียดังกล่าวมีฤทธิ์ถึงขั้นอันตรายแก่ชีวิต แต่วงการแพทย์พบว่าหากนำโปรตีนจำนวนน้อยนิดกระจิดริดมาใช้สามารถรักษาอาการ กล้ามเนื้อกระตุก ตากระพริบถี่ และอื่นๆ แน่นอนว่า ชื่อเสียงของมันขจรขจายทางด้านความงามมากกว่า
ก่อนที่มันจะโด่งดังจนคนเรียกมันติดปากว่า โบท็อกซ์ นพ.อลัน บี สก็อต จากสถาบันสมิธ-เคทเทิลเวล์สกัดใช้โปรตีนเป็นพิษต่อระบบประสาทโบทูลินัมชนิด เอ (BTX-A) มาทดสอบกับลิงเพื่อรักษาอาการตาเข ซึ่งเป็นปัญหามาจากกล้ามเนื้อ และองค์การอาหารและยาของสหรัฐ หรือเอฟดีเอได้รับรองให้ใช้ทางการแพทย์ในปี 2532
ต่อมาอนุญาตให้ใช้ทางด้านศัลยกรรมความงามในปี 2547 และโบท็อกซ์กลายเป็นชื่อทางการค้าจากผู้ผลิตสหรัฐรายใหญ่นามว่า อัลเลอร์แกน อิงค์ เพื่อใช้ทั้งทางการแพทย์และความงาม
ไม่ใช่แต่สหรัฐเท่านั้นที่ผลิตรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ ประเทศอุตสาหกรรมใหม่อย่างเกาหลีก็ผลิตแดวู, ฮุนได, ซัมซุง และแอลจี บุกตลาดโลกเช่นกัน นับประสาอะไรกับพิษแห่งความงาม
เกาหลี ซึ่งกำลังสร้างชื่อเสียงด้านศัลยกรรมให้เป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยวเข้า ประเทศ ถึงขั้นก่อตั้งเครือข่ายระหว่างเอเยนซีทัวร์ ออนไลน์, องค์การบริหารจัดการโรงแรมเกาหลี และสถานบริการการแพทย์หลายแห่ง จับกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติโดยเฉพาะ เชื่อมโยงบริการที่หลากหลาย ในราคาเป็นธรรม พร้อมทั้งความผ่อนคลายในการท่องเที่ยวเกาหลีให้มากที่สุด จนแต่ละคลีนิคมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติกว่า 20% แล้ว
ดินแดนโสมสามารถคิดค้นเจ้าสารท็อกซินสำคัญตัวนี้ได้แล้วเช่นกัน
ดร. ฮวน โฮ จุน ผู้วิจัยค้นคว้าชาวเกาหลีพบเทคนิคสกัดสารโบทูลินัมชนิดเอบอกว่า เขาศึกษาเรื่องนี้เป็นเวลา 10 ปีมาแล้ว เดิมต้องการแค่ความเข้าใจในชีวิตจุลชีพตามประสานักวิจัย และนักวิทยาศาสตร์
ครั้นพอมองเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจ แลเห็นว่าราคาของ BTX - A ในท้องตลาดน่าจะลดลงลดลงได้ 20-30% เขาจึงปั้นดาวดวงใหม่ในแบรนด์ของตัวเองแข่งกับโบท็อกซ์ของสหรัฐ ซึ่งมีชื่อเสียงที่ลมบนแล้ว
ปี 2550 มูลค่าตลาดความอ่อนวัยด้วยสาร BTX-A ไม่ว่ามี ชื่อการค้าว่าอะไรก็ตาม มีมูลค่าสูงถึง 50 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียวในตลาดเกาหลีใต้ และจากสถิติผู้เข้าใช้บริการในคลีนิคแห่งหนึ่ง ระบุว่าจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10% และมีเกณฑ์เพิ่มขึ้นทุกปี และเปลี่ยนพฤติกรรมนัดหมายจากต่อเดือนเป็นต่อสัปดาห์
มันสามารถบ่งบอกความคลั่งไคล้สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ของคนเกาหลีได้ไม่น้อย
เจ้าหน้าที่การตลาดสาวแห่งเมดิ-ท็อกซ์ ผู้ผลิตนิวโรน็อกซ์ วัย 28 ปี เล่าให้ฟังว่า ทัศนคติของหญิงสาวแดนโสม 90% คิดว่าตัวเองอ้วน และ 50% ตกลงปลงใจว่าต้องทำศัลยกรรมให้ได้ ตัวเธอเองก็ทำศัลยกรรมด้วยการฉีดสารโบทูลินั่มเช่นกัน โดยเลือกฉีดลดกราม ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้น
นายแพทย์ โซ ฮังเร แห่งคลีนิคผิวพรรณและความงาม Oh Kim Clinic บอกว่า ทำได้ทุกบริเวณที่มีกล้ามเนื้อยกเว้นบริเวณ คอ ต้นขา และหน้าอก เพราะจะมีความเสี่ยงและผลข้างเคียงค่อนข้างมาก
ฉะนั้นบริเวณสุดฮิตต้องยกให้ การฉีดเพื่อปรับแนวรูปคิ้ว หัวคิ้ว หางตา และหน้าผาก โดยจะให้ผู้ใช้บริการขมวดคิ้ว หยีตา และย่นหน้าผาก แล้วกำหนดจุดฉีดสำคัญลงไป
รองลงมาคือ กล้ามเนื้อกราม ทำให้ขนาดใบหน้าและคางลดลงได้ถึง 20-30 % ซึ่งจะแตกต่างกันได้ในแต่ละคน แล้วแต่ขนาดโตมากน้อยของกล้ามเนื้อและขนาดของขากรรไกร
ตามด้วย บริเวณน่อง แต่ประสิทธิภาพของตัวยาจะด้อยกว่าบริเวณอื่น เพราะกล้ามเนื้อบริเวณนี้มีการเคลื่อนไหวมาก
คุณหมอเล่าต่อว่า อายุลูกค้าเฉลี่ยเข้ารับบริการตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และ 35 ปีขึ้นไปมาใช้บริการมากที่สุด
พฤติกรรมลูกค้าจะนิยมฉีด 2-3 แห่งบนใบหน้า แต่ละแห่งจำเป็นต้องฉีดมากกว่าหนึ่งจุด โดยจะคิดราคาต่างกันตามปริมาณรอยเข็ม เช่นพื้นที่เล็กๆจะอยู่ที่ 250 เหรียญ แต่กรามจะเพิ่มเป็น 600 เหรียญเป็นต้น
ลูกค้าจะเป็นผู้เลือกว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์แบรนด์ไหน เป็นเหตุผลสำคัญให้ทุกคลีนิคจัดเตรียมทุกแบรนด์ไว้รองรับความต้องการ แต่ถ้าให้แพทย์แนะนำ พวกเขาย่อมนำเสนอสินค้าในบ้านก่อน เพราะราคาเบากว่า แต่จะเลือกใช้ของจีนสำหรับกล้ามเนื้อใหญ่เพราะยังต้องคำนวนปริมาณอัตราผกผัน +- 30% สำหรับป้องกันการแปรปรวนและความผิดพลาด
ตลอดจนต้องทำหน้าที่เตือนลูกค้าดูแลรักษาและข้อควรระวังต่างๆ เช่น ระวังการกดทับใน 24 ชั่วโมงแรก หรือห้ามนวดหน้า นอนคว่ำ อาจนอนราบได้ แต่ไม่ควรก้มๆ เงยๆ
นอกจากสารโบทูลินั่มท็อกซินจะใช้เพื่อต่อต้านริ้วรอยที่เกิดจากการแสดง อาการ เช่นรอยตีนกา รอยย่นแล้ว เรายังพบเทรนด์ลบริ้วรอยเพื่อต่อสู้ภาวะชรา (Anti-Aging) อีกชนิดหนึ่งที่กำลังนิยมตามมาติดๆ ในเกาหลี นั่นคือ เลเซอร์ สำหรับเอาชนะแสงแดด ดูแลเฉพาะเมลานีน เม็ดสี เซลล์ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน
วัฒนธรรมห่วงสวยห่วงหล่อของคนเกาหลียังทำให้เกิดอุตสาหกรรม และเทคนิคดูแลเรือนร่างเกิดตามมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือยกกระชับกล้ามเนื้อใช้ ร่วมกับเครื่องกรอผิว คอลลาเจนบริสุทธิ์ และทรีตเม้นต์เฉพาะบุคคล เน้นการป้องกัน ไม่ให้เกิดริ้วรอยขึ้นก่อนวัยอันควร แต่ต้องการส่งสารบำรุงเติมเต็มบำรุงชั้นผิวที่ลึกลงไป แถมยังช่วยลดริ้วรอยที่ได้เกิดจากการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ อาทิ กระ ฝ้า เป็นต้น
คลินิคความงามกลางกรุงโซลจึงขวักไขว่ไปด้วยหนุ่มสาว ไม่เว้นแต่แม่บ้าน และพ่อบ้านที่นั่งรอคิวรอลิ้มชิมรสพิษแห่งความงาม